รีวิวสไปเดอร์แมน โน เวย์ โฮม
รีวิวสไปเดอร์แมน โน เวย์ โฮมภาคต่อที่เน้นแฟนเซอร์วิส แต่ยังสนุกครบรส
ประเภทหนัง :: แฟนตาซี , แอ็คชั่น , คอมเมดี้ , ผจญภัย
ผู้กำกับ :: Jon Watts
นำแสดงโดย :: เอ็มเจ, เน็ด ลีดส์
ความยาวหนัง :: 2 ชั่วโมง 18 นาที
กำหนดฉายในไทย :: 23 ธันวาคม 2564

รีวิวสไปเดอร์แมน โน เวย์ โฮม วันนี้จะมารีวิว หนังภาคต่อที่ไม่ควรพลาด เรื่องนี้สร้างรายได้ได้มหาศาล เป็นเรื่องที่สนุกมากๆ และในตอนนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้เข้ามาให้เราได้รับชมกันแล้วทาง Netflix ต่อมาด้านการแสดง ส่วนนี้ก็ทำได้ดีตามมาตรฐาน Marvel แต่ว่าในภาคนี้ Tom Holland (รับบท Spider-Man) ได้แสดงฝีมือในฉากดราม่าด้วย ซึ่งเขาทำได้ดีเลยทีเดียว

รีวิวสไปเดอร์แมน โน เวย์ โฮม เรื่องราวจากภาคต่อ หลังจากที่เจอมรสุมมากมาย เมื่อเด็กหนุ่มรับความกดดันไม่ไหว จึงตัดสินใจเดินทางไปขอความช่วยเหลือกับ Dr.Strangeให้ช่วยร่ายคาถาให้ทุกคนในโลกลืมไปว่า Spider-Man คือ Peter Parker ทว่าการร่ายมนต์ครั้งนี้ดันผิดพลาด และได้ดึงตัววายร้ายของ Spider-Man จากจักรวาลอื่นๆ เข้ามาแทน ดังนั้น Peter Parker จึงต้องหาทางแก้ไขเรื่องที่เขาเป็นคนก่อ สุดท้ายแล้วเขาจะต่อกรกับวายร้ายเหล่านี้ได้หรือไม่ และเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง

นักแสดง ‘เอ็มเจ’ (Zendaya) เพื่อนซี้สาย Geek อย่าง ‘เน็ด ลีดส์’ (Jacob Batalon) และ ‘ป้าเมย์’ (Marisa Tomei) ต่างพากันเดือดร้อนกันไปด้วย ปีเตอร์เลยจำต้องไปขอความช่วยเหลือกับหมอแปลก ‘ดอกเตอร์สเตรนจ์’ (Benedict Cumberbatch)

การดำเนินเรื่อง ก็ยังมีสีสันเหมือนเดิมเหมือนภาคก่อนๆ ยังไม่มีอะไรโดดเด่นสักเท่าไร แต่ก็ยังมีมุกฮาๆให้ขำกันอยู่ องชื่นชมวิธีการเล่าเรื่องเป็นอย่างแรกเลย เพราะว่าตัวหนังสามารถไต่ระดับการเล่าจากเล็กไปหาใหญ่ และใหญ่ระดับจักรวาลได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนมาก นั่นอาจจะทำให้การเดินเรื่องในองก์แรกช้าอยู่บ้าง โดยมีฉากแอ็กชันคอยกระตุ้นกราฟอยู่เนือง ๆ แต่ตัวบทก็ถือว่าทำได้ฉลาดและไหลลื่นไม่สะดุดตรงไหนให้กวนใจเลย
รวมทั้งการที่ตัวบทเริ่มจะกระชับพื้นที่โดยไม่ไปเล่าถึงตัวละครและภารกิจอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นฮีโรของปีเตอร์มากนักเหมือนอย่างในภาคที่แล้ว ทำให้ตัวหนังจะเริ่มโฟกัสเฉพาะภารกิจของปีเตอร์ เอ็มเจ เน็ด หมอแปลก เหล่าวายร้ายทั้ง 5 และป้าเมย์เท่านั้น อีกจุดที่ถือว่าฉลาดคือ ต่อให้ตัวหนังในครึ่งหลังจะเริ่มบิดไปเป็นหนังแอ็กชันแบบเต็มสูบ แต่หนังก็ยังรักษาแกนการเล่าเรื่องแบบ Coming Of Age ที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้อยู่ นั่นก็คือเรื่องของการพยายามจะลบความทรงจำของผู้คนนั่นเอง เพราะนอกจากปีเตอร์จะต้องรับผลพวงจากความผิดพลาดจากการร่ายมนต์แล้ว เขายังต้องรับผลพวงใหญ่ในการบังอาจไปแทรกแซงมัลติเวิร์ส และตอนท้ายก็ลากเส้นมาขมวดจบที่ปีเตอร์เองก็ต้องยอมรับผลกระทบที่เกิดจากการพยายามลบความทรงจำนั้นด้วย
ในคราวนี้จึงไม่ใช่แค่การต่อสู้กับวายร้ายเท่านั้น แต่ยังต้องยอมรับทางเลือกที่เขาเองได้เลือกไว้ด้วย ซึ่งตรงนี้ต้องขอชื่นชมว่าสามารถคงแก่นแกนนี้เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ปูเรื่องและตามมาเก็บกลับได้อย่างสะเทือนใจเรียกน้ำตามาก ๆ แถมยังเป็นการทิ้งท้ายได้อย่างน่าสนใจและน่าคิดต่อไปด้วยว่า จากนี้ ชีวิตของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ที่เลือกเส้นทางนี้และยอมรับผลของมันแต่โดยดี จะยังคงดำเนินชีวิตในฐานะปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ และในฐานะสไปเดอร์-แมนต่อไปได้อย่างไร ภายใต้บทสรุปชีวิตโคตรจะสะเทือนใจขนาดนั้น
โดยภาพรวมนั้น สไปเดอร์แมน โน เวย์ โฮม ยังคงรักษามาตรฐานของตัวละคร Marvel ได้อย่างคบถ้วน หนังเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นหนังที่แฟนบอย สไปเดอร์-แมนไปดูยังไงก็ไม่ผิดหวัง พราะนอกจากเรื่องราวที่โตขึ้นและการที่เราจะได้เห็นพัฒนาการ และจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อชีวิตของปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ ที่กลายเป็นซูเปอร์ฮีโรแบบเต็มตัว และเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนมาก ๆ
🎥รับชมตัวอย่างหนัง : สไปเดอร์แมน โน เวย์ โฮม
ติดตามรีวิวหนังใหม่ : รีวิวหนัง
รับชมหนังใหม่เพิ่มเติมได้ที่ : ดูหนังใหม่2023
ติดตามรีวิวซีรีย์ใหม่ : รีวิวซีรีย์ไทย